วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของอยุธยา เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา

แพลนเที่ยวสำหรับทริปอยุธยา ขอพาทุกคนไปกันที่ วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของอยุธยา เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา พร้อมกับได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปีพ.ศ. 2478 และต่อมาก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกในปีพ.ศ. 2535 ภายในวัดมีหลายสิ่งน่าสนใจ ให้ทุกคนได้ไปท่องเที่ยวชมกัน

ประวัติของวัดไชยวัฒนาราม

วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2173 โดยพระเจ้าปราสาททอง ก่อนหน้านี้บริเวณพื้นที่ของ วัดไชยวัฒนาราม เคยเป็นที่อยู่ของพระมารดา ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ก่อนที่พระเจ้าปราสาททองจะได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เมื่อพระเจ้าปราสาททองได้เสวยราชสมบัติ ก็ทรงโปรดเกล้าให้สร้างเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระมารดา

วัดไชยวัฒนาราม

และวัดไชยวัฒนารามก็เคยถูกใช้ในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ของอยุธยาที่สืบต่อมาหลังจากนั้นทุกพระองค์ จึงได้รับการบูรณะเรื่อยมา ซึ่งในอีกเรื่องรางนึงของวัด ก็คือชื่อของวัด ซึ่งเดิมทีมีชื่อว่า วัดชัยวัฒนาราม ซึ่งข้อสันนิษฐานว่า วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงพนมเปญ จึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น ไชยวัฒนาราม ที่คำว่า ไชย หมายถึง ความยิ่งใหญ่และชัยชนะ จึงทำให้สิ่งก่อสร้างของวัดนี้มีลักษณะเหมือนขอมอยู่ส่วนหนึ่ง

สิ่งน่าสนใจของวัดไชยวัฒนาราม

  • ปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ

เป็นปรางค์ประธาน เป็นที่ตำลองจากนครวัด โดยมีลักษณะเป็นทรงจัตุรมุข บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขยื่นออกมาทั้ง 4 ด้าน ซึ่งมีปรางค์ประจำทิศอยู่ทั้ง 4 ด้านเช่นเดียวกัน รวมถึงทุกด้านก็มีทางขึ้นสู่มุมของมุข ส่วนยอดของพระปรางค์ มีลักษณะเป็นรัดประคดซ้อน 7 ชั้น ด้านบนสุดเป็นทรงที่เรียกว่า ดอกบัวตูม ซึ่งมีความคล้ายกับปรางค์ในสมัยอยุธยาตอนต้น

วัดไชยวัฒนาราม
  • ปรางค์ประธาน

เป็นปรางค์องค์เล็กที่รายล้อมปรางค์ประธาน จำนวน 4 องค์ ลักษณะเหมือนกับปรางค์ประธาน แต่เล็กกว่า

  • พระเมรุ

มีอยู่ 8 องค์ เชื่อมต่อกับระเบียงคต ลักษณะอาคารยอดแหลม ส่วนที่อยู่บริเวณมุมเรียกว่า เมรุทิศ และองค์บริเวณระหว่างกลางเมรุทิศ คือ เมรุราย

  • ระเบียงคต

เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ได้รับความนิยมกันมาถ่ายรูป ระเบียงคตจะเชื่อมต่อกับเมรุทั้ง 4 ทิศ ซึ่งบริเวณระเบียงคตจะประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีมาแต่โบราณกว่า 100 องค์ ด้านนอกเป็นปูนส่วนข้างในทำจากไม้ แต่ในปัจจุบันเหลือองค์พระที่มีเศียรอยู่ 2 องค์ ส่วนอื่นๆ ได้ถูกตัดออกไปแล้ว