สำรวจคลองในกรุงเทพ 2

เริ่มต้นวันใหม่ในใจกลางกรุงเทพที่คึกคัก คลองแสนแสบที่มีความยาวประมาณ 18 กม. ให้บริการโดยเรือยนต์สาธารณะเมื่อแล่นผ่านใจกลางเมืองทำให้สะดวกสำหรับการช็อปปิ้งและท่องเที่ยว สำหรับการมองเข้าไปในชีวิตประจำวันของกรุงเทพฯให้นั่งเรือในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้าเมื่อผู้สัญจรที่แต่งกายอย่างชาญฉลาดกระโดดขึ้นและลงบนเรือที่หยุดเป็นประจำอย่างง่ายดายราวกับว่าพวกเขาอยู่บนรถบัส ท่องเที่ยวบนคลองแห่งนี้เพื่อนักออกแบบ (และน็อคออฟ) ช้อปปิ้งที่สยามสแควร์และเยี่ยมชมบ้านจิมทอมป์สันบ้านพิพิธภัณฑ์ไม้สักที่สวยงามของพ่อค้าผ้าไหมอเมริกันและสถานที่อื่น ๆ ในใจกลางกรุงเทพฯเช่นตลาดขายส่งเสื้อผ้าโบเบ้หรือย่านทองหล่อสุดฮิปที่เต็มไปด้วยร้านบูติกและร้านกาแฟ เส้นทางเดินเลียบคลองที่ให้บริการขนส่งสาธารณะและเดินเล่นไปตามถนนทำให้มีความสุขเป็นครั้งคราวเช่นเฟื่องฟ้าวิลล์ทะลุกำแพงคอนกรีตหรือบ้านไม้สักเก่าในอาคารสำนักงานที่ทันสมัย เมื่อเดินทางคลองแสนแสบจากตะวันออกไปตะวันตกรถเมล์เรือยนต์สิ้นสุดที่วัดสระเกศ , สาย 18 THวัดศตวรรษยอดเจดีย์ทองและจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงที่จะนั่งโดยตรงจากจุดแรกที่วัดศรี Bunrueang ลงที่ป้ายจอดรถก่อนเวลาที่บ่อเบซึ่งคลองแสนแสบตัดกับคลองผดุงกรุงเกษม   คลองผดุงกรุงเกษมเป็นหนึ่งในสามของคูน้ำดั้งเดิมรอบ ๆ กรุงรัตนโกสินทร์ แต่ไม่มีบริการเรือที่นี่ ที่ความยาว 5.5 กม. สามารถมองเห็นได้ด้วยการเดินเท้าพร้อมทางเดินที่มีต้นไม้เรียงรายไปตามน้ำ คลองผ่านหัวลำโพงซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักของกรุงเทพฯและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้เวลาก่อนที่จะขึ้นรถไฟ   จากแบ้บ่อเดินใต้อาหารที่ยอดเยี่ยมในไชน่าทาวน์และลิตเติ้ลอินเดียหรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือสำหรับพืชและสวนที่มุ่งเน้นตลาดสด เนื่องจากคลองผดุงกรุงเกษมเป็นคูเมืองดั้งเดิมแห่งหนึ่งในกรุงรัตนโกสินทร์จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจพระบรมมหาราชวังและใจกลางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ ไม่ว่าทิศทางไหนที่คุณจะเดินทางบนคลองคุณจะได้พบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ซึ่งคุณสามารถนั่งเรือข้ามไปยังธนบุรีบนเรือล่องแม่น้ำสาธารณะที่ผ่านมาตลอดเวลา   ธนบุรีทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาและตรงข้ามกับพระบรมมหาราชวังเป็นพื้นที่แรกของกรุงเทพฯที่จะตั้งรกราก ในปี 1542 มีการขุดช่องเล็ก ๆ เพื่อตัดทอนเกือกม้าอันสั้นของเจ้าพระยาเพื่อลดระยะเวลาในการขนส่งและตอนนี้ช่องนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางหลักของแม่น้ำ โค้งแม่น้ำเก่าและช่องทางใหม่ที่สร้างขึ้นเกาะที่ตอนนี้กลับบ้านไปถ่ายรูปวัดอรุณราชวราราม , วัดอรุณ (ซึ่งจริง ๆ แล้วถ่ายรูปมากที่สุดในตอนพระอาทิตย์ตก) และที่น่าประทับใจพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธีที่เรือเดินสมุทรของกรุงเทพฯของเรือไม้สักหรูหราใช้เฉพาะ สำหรับขบวนพิธีการจะมีการแสดง   การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาจากปลายทั้งสองฝั่งคลองผดุงกรุงเกษมเป็นวิธีหนึ่งในการชมวัดอรุณและส่วนหนึ่งของธนบุรีที่อยู่ริมแม่น้ำ แต่หากต้องการชมหัวใจของอำเภอจองทัวร์คลองที่ท่าเรือกลางใด ๆ รวมทั้งท่าพระอาทิตย์ซึ่งคุณจะซิปไปตามเครือข่ายที่เหลืออยู่ของคลองธนบุรีผ่านต้นไม้ใบบ้านไม้สักและวัด ทัวร์ทั้งหมดจะพาคุณไปที่วัดอรุณและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรอยัลบาร์เกสและในวันหยุดสุดสัปดาห์ไปยังตลาดน้ำตลิ่งชัน. นอกจากนี้ในธนบุรีตลาดนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ค้าอาหารทางน้ำที่ปรุงอาหารทะเลสดในเรือของพวกเขาและให้บริการแก่พวกเขาในร้านอาหารลอยน้ำ …

เกาะกูดรีสอร์ท 3

เกาะกูดรีสอร์ท ที่พักของเราจะหันหน้าออกทะเล สามารถรับลมได้เอื่อยๆ แต่ที่เหมาะที่สุดคือการที่เราได้นั่งๆ นอนๆ ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงาพร้อมเตียงชายหาดที่มีให้บริการ แล้วรับลมทะเล             ชมทัศนียภาพที่อยู่ด้านหน้าของเรา สวยแบบสะกดติดตราตรึงใจ น้ำทะเลที่นี่จะใสมาก        คลื่นไม่แรง แถมยังมีมุมที่เล่นน้ำใต้ต้นไม้กันแบบไม่ร้อนได้อีกด้วย จุดเด่นของที่นี่แหละอีกหลายๆ ที่ในลักษณะคล้ายกันคือจะมีสะพานทอดยาวออกไปนอกทะเล สำหรับกระโดดน้ำหรือถ่ายรูปสวยๆ มุมนี้แล้วแต่ที่จะครีเอทกันเลย บางคนก็ได้รูปที่สวยงาม เท่ห์ ดูมีสไตล์ บางคนก็ได้รูปแปลกๆ แต่สำหรับตัวผมเองนั้นก็ได้มุมเดิมครับ คือรูปเซลฟี่เห็นหน้าชัดเจนแถมไม่เห็นวิวอะไรเลยหละ ถ้าเป็นวิวก็ถ่ายเก็บไว้ดู กิจกรรมมีมากมายครับไม่ว่าจะดำน้ำที่หน้าที่พักได้เลย ด้วยน้ำที่ใสเราสามารถดำน้ำตื้นบริเวณด้านขวาของที่พัก ก็จะมีปะการังและปลาตัวเล็กๆ ให้เราได้ชมทัศนียภาพโลกใต้ท้องทะเลขนาดย่อมๆ แต่ผมไม่ได้มีโอกาสได้ดำน้ำดูเลย เพราะลืมครับว่าเราสามารถดำน้ำได้ที่หน้ารีสอร์ท ถ้าไม่ถนัดดำน้ำกูสามารถเล่นชิงช้าได้นะครับ ชิงช้าของเกาะกูดส่วนใหญ่ก็จะไปปักหลักอยู่ที่กลางทะเลเลย แจ่มไหมหละ จะโยกได้ไกลแค่ไหนก็คงไม่ใช่ประเด็น เพราะเขามีไว้ให้นั่งแช่น้ำถ่ายรูปชิคๆ ครับ ในส่วนนี้ก็อาจต้องดูสักนิดนึงเพราะจะต้องต่อคิวสักแปปนึง เพราะเพื่อนๆ ร่วมที่พักของเราก็มีไม่ใช่น้อยและอยากที่จะเก็บภาพความประทับใจ ผมก็เก็บไม่ได้ส่วนหนึ่งหละครับ ก็ถือว่าดีพอใช้ได้ กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือการดำน้ำดูปะการังแต่ต้องนั่งเรือออกไปนะครับในส่วนนี้ก็มีค่าบริการอยู่แต่ไม่น่าจะเกินหนึ่งพันบาท ไปสักช่วงบ่ายนิดๆ เย็นๆ ก็เห็นกลับมากันนะครับ แต่สำหรับผมนั้นเคยไปดำน้ำที่โซนเกาะช้างมาแล้ว ซึ่งก็ทราบมาว่าไม่ต่างกันนะครับ ไม่ว่าจะไปเกาะช้างหรือเกาะกูดก็ดำน้ำที่เดียวกัน ถ้าใครยังไม่เคยไปก็แนะนำให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งนึงแล้วจะรู้สึกรักธรรมชาติ รักโลก รักสัตว์ รักสิ่งมีชีวิตมากยิ่งขึ้น เพราะเราจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตมากมายในโลกใต้ท้องทะเล คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป แต่อย่าลืมไปแล้วขยะที่อยู่ในมือก็อย่าทิ้งไว้นะครับ ช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อให้โลกของเราและสัตว์นั้นจะได้ไม่ตายเพราะขยะพลาสติก

เกาะกูดรีสอร์ท 2

สิ่งอำนวยความสะดวกของรีสอร์ท เกาะกูดรีสอร์ท สิ่งอำนวยความสะดวกยอดนิยม รวมบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี ห้องอาหาร/ภัตตาคาร บาร์ พื้นที่ชายหาดส่วนตัว พื้นที่กลางแจ้ง – พื้นที่อาบแดด พื้นที่ชายหาดส่วนตัว – สวนหย่อม ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าพัก กิจกรรม ชายหาด – กิจกรรมกีฬาทางน้ำในสถานที่ มีค่าบริการเพิ่มเติม ดำน้ำ มีค่าบริการเพิ่มเติม – เรือแคนู มีค่าบริการเพิ่มเติม ห้องคาราโอเกะ – ห้องเกม อาหารและเครื่องดื่ม บาร์ – ห้องอาหาร/ภัตตาคาร อินเทอร์เน็ต ฟรี! อินเทอร์เน็ตไร้สาย ให้บริการในพื้นที่ส่วนกลาง และไม่มีค่าบริการ ที่จอดรถ ไม่มีบริการที่จอดรถ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ บริการนวด บริการ บริการรถรับส่ง (มีค่าบริการ) ระบบรักษาความปลอดภัย ตู้นิรภัย ทั่วไป เครื่องปรับอากาศ – หนังสือพิมพ์ รายละเอียดคร่าวๆ ก็ประมาณนี้หละครับ เมื่อเดินทางมาถึงที่พักเราก็ไปเช็คอินทันทีเลยครับ เดินไปสักประมาณหนึ่งร้อยเมตร …

Review Cham’s House Kohkood 1.9

เมื่อถึงเวลาก็ต้องพักผ่อน เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันกับการทำกิจกรรมมากมาย ก็ถึงเวลาที่เราต้องพักผ่อนกันแล้วครับ แอร์เย็นฉ่ำกับเตียงนุ่มๆ พร้อมสำหรับการนอนหลับพักผ่อนกันแล้ว ว่าแต่ใครยังมีแรงเหลือจะเล่นน้ำหน้าห้องตัวเองก็ยังได้อยู่นะครับ ม๊อนิ่ง ไม่มีไก่ขันแล้วนะครับสำหรับสมัยนี้ มีแต่เสียงนาฬิกาปลุกงิ้งๆ จากโทรศัพท์ของเรานี่แหละที่คอยหลอกหลอนโสดประสาทเราทุกวัน ขี้เกียจจังแทบไม่อยากจะลุกจากเตียงเล้ย แต่ก็ต้องฝืนลุกเพราะถึงเวลาอาหารเช้าแล้วหนาออเจ้า แม่การะเกดไม่ต้องไปโขลกน้ำพริก ตีกระเทียม ตั้งหม้อให้เหนื่อยแต่อย่างใด เพราะที่นี่เค้ามีอาหารเช้าบริการแบบ Full Option จัดเต็มกันเลยทีเดียว จะช้าไปใยไปจัดกันตามแบบฉบับหมูป่าผู้โหยหิวกันดีกว่า รายการอาหารเช้าก็คงไม่ต่างจากโรงแรมระดับ 4-5 ดาวกันมากมายครับ ผมก็เล่นชิมซะทุกอย่าง อร่อยหมดทุกอย่างไม่มีที่ติ แต่ที่นี่เข้าดีตรงที่ทานอาหารเช้าพร้อมชมบรรยากาศทะเลไปด้วย เมื่อทานข้าวเสร็จก็ยังพอมีเวลาให้ถ่ายรูปได้อีก หรือจะไปนั่งตากแอร์เย็นๆ ที่ห้องก็ได้แล้วแต่ตามสะดวกเลย ส่วนผมก็เลือกที่จะไปลงสระน้ำสักอีกหนึ่งรอบ เอาแบบชุ่มฉ่ำไปเลย ฉ่ำปอดบวมน้ำกันพอแล้วก็เตรียมสัมภาระแพ็กกระเป๋าไปเช็คเอาท์ที่เคาน์เตอร์กันได้เลย คงเหมือนหลายๆ โรงแรมที่ต้องเช็อเอาท์ก่อน 12.00 น. ที่นี่ก็เช่นกันครับ เราก็ไปทำเรื่องที่เดิมตรงจุดที่เราเช็คอินนั่นแหละ แล้วเราก็นั่งรอในโซนที่โรงแรมเขาบริการ ความพิเศษของเกาะกูดอย่างหนึ่งคือ การจะไปพักโรงแรมในคือนต่อไปหากเราเปลี่ยนสถานที่ เขาจะมีบริการรถรับส่งไว้คอยบริการเรา ที่สำคัญคือฟรี ที่จริงก็คงไม่ฟรีหรอกครับ แต่คงรวมมากับค่าเรือของเราไปแล้ว แต่ผมก็รู้สึกว่ามันยังฟรีอยู่น้า เพราะทั้งโรงแรมและพี่คนขับรถมีการติดต่อประสานงานกันตลอดเวลา คอยแจ้งเวลาที่รถจะมารับมีการบอกเวลาเป็นระยะ ประมาณ 12.20 น. ก็มีรถสองแถวมารับเพื่อไปอีกโรงแรมหนึ่ง เมื่อรถมาถึงพี่คนขับก็กระฉับกระเฉงรีบมาคอยบริการช่วยเรายกกระเป๋าให้เรา แต่ผมนี่ไม่ได้ให้พี่เขายก มีแต่จะช่วยคนอื่นยกขึ้นรถส่วนใหญ่ก็เป็นแขกฝรั่งแหละ …

Review Cham’s House Kohkood 1.8

บรรยากาศรอบนอกเป็นอย่างไรมาฟังจากผมได้เลยครับ 17.00 น. โดยประมาณ เก๊ง เก๊ง มีเสียงระฆังพร้อมพนักงานโรงแรมเดินมาเป็นขบวน ทีแรกผมก็งงว่าคืออะไร แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า อ้อ นี่เป็นเวลาช่วง ฟรี ซอฟท์ดริ้งนี่เอง ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ มันคือเรื่องจริง เพราะที่นี่เขาคอกเทลบริการฟรีช่วง 5 โมงเย็น ถึง 6 โมงเย็น  ว่าแล้วก็ไปจัดกันเลย เติมไม่อั้นเลย แต่ผมนี่ก็จัดไปแค่สามแก้วเอง ห้าห้าห้า Happy Hour…คุณเคยมีช่วงเวลาแห่งความสุขไหม? ผมเชื่อนะ เรื่องของชั่วโมงแห่งความสุข จริงๆทุกคนก็มีช่วงเวลาในแต่ละวันที่สามารถมีความสุขได้ อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่คุณเองอาจจะมองข้ามไป เช่น ช่วงเวลากลางวัน มื้อเที่ยงกับเพื่อนร่วมงาน หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาอาหารเย็นที่ทุกคนจะได้อยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เวลาแบบนี้มันมีคุณค่าเหลือเกินนะครับ สำหรับ Cham’s House แล้ว ได้จัดช่วงเวลาแห่งความสุข ซึ่งเราได้เลือกเวลาที่ทุกท่านจะได้ดื่มด่ำกับบรรยาศ และความสวยงามของท้องทะเล พร้อมกับเครื่องดื่มแก้วโปรด ในช่วง 17.00-18.00 น. ตลอด 1 ชั่วโมง ทุกท่านจะได้เห็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่ และท้องฟ้าสีชมพู ก่อนพระอาทิตย์จะตกลงบริเวณหน้า Cham’s …

Review Cham’s House Kohkood 1.7

บรรยากาศรอบนอกเป็นอย่างไรมาฟังจากผมได้เลยครับ เมื่อพูดถึงบรรยากาศรอบโรงแรมแล้วนั้นเรียกได้ว่าทุกอย่างผ่านการออกแบบและจัดวางมาได้อย่างลงตัวที่สุดเลยครับ เริ่มตั้งแต่โซนล็อบบี้ต้อนรับแขกสำหรับเช็คอินก็มีบริเวณกว้างขวาง ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถถ่ายรูปเพลินๆ ได้ขณะรอเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางข้อมูลให้กับเรา อย่าลืมดื่มน้ำกระเจี๊ยบหอมเย็นชื่นใจพร้อมทั้งผ้าเย็นที่มีบริการกันด้วยนะครับ ผมนี่ขอน้ำตั้งสองแก้วเลย ว่าแล้วก็แบกกล้องเดินถ่ายรูปถ่ายบรรยากาศไปเรื่อยเลย เพราะทุกมุมสามารถถ่ายได้หมดเลยถือว่าสวยทุกมุม ระหว่างเดินทางลงไปชายหาดก็จะพบห้องพักแบบต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อตอนก่อนๆ วิวแต่ละห้องก็จะต่างกันไปเพราะอยู่ตามเขาแต่ไม่ชันมากนะ โซนห้องผมอยู่ตรงกลางพอดีที่เหมาะเจาะ ด่านล่างจะมีห้องอาหารสำหรับคอยบริการ ราคาอาหารก็จะต่างกัน โดยในช่วงเวลาเช้าถึงบ่ายๆ ราคาจะถูกกว่าช่วงเย็น เมนูอาหารก็แล้วแต่เราเลือกเลยครับ มีทั้งแบบจานเดียว และอาหารหลากหลายเมนู อาหารทะเล พิซซ่านี่ต้องให้ลองชิมเลย เพราะมันอร่อยมากจริงๆ เดินลงมาก็ถึงหาดพอดี หาดทรายขาว เม็ดละเอียดเดินแล้วนุ่มเท้า น้ำทะเลใสและมีสีออกเขียวแกมฟ้า เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองแล้วต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียวหละครับ เพราะมันสวยจริงๆ เราไม่ต้องเดินทางไปไกลเลย เพราะทะเลภาคตะวันออกก็สวยจนไม่รู้จะสวยอย่างไรแล้ว หาดที่นี่มีลักษณะหาดเปิดไม่มีภูเขาบัง ทำให้เรามองเห็นทัศนียภาพได้เต็มๆ แบบพาโนรามาเลยก็ว่าได้ เตียงชายหาดก็มีทั้งแบบเป็นไม้ที่รองด้วยเบาะหนังนุ่มกำลังดี และแบบที่นั่งนิ่มๆ ผมเรียกไม่ถูกแฮะ แต่รู้สึกว่านั่งและนอนแล้วรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก มองไปที่ด้านขวาของโรงแรมโดยหันหน้าออกทะเล ก็จะพบชิงช้าของที่จามเฮาส์ ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ที่ใครก็มาก็อดแชะถ่ายรูปกันไม่ได้ จริงๆ ก็ได้แตกต่างอะไรมากมายจากที่อื่น แต่ทำไมไม่รู้ผมก็ใช้เวลาถ่ายรูปกับชิงช้านั้นได้นานเลย มองไปด้านซ้ายของโรงแรมโดยหันหน้าออกทะเล ก็จะพบหาดทรายทอดยาวออกไปที่ยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก เพราะไม่มีรีสอร์ทหรือโรงแรมใดมาตั้งใกล้ๆ ทำให้เราได้เดินชมบรรยากาศที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในพื้นที่บริเวณนั้นได้อีกมาก ผมไปในช่วงที่เสี่ยงมีฝนเล็กน้อยก็ยังหวั่นๆ อยู่ตอนดูพยากรณ์อากาศ แต่พอไปถึงแล้วฟ้าก็เปิด น้ำก็ใส แต่แอบมีคลื่นแรงนิดนึง คงไม่เหมาะกับการพายเรือเท่าไรครับ …

เกาะกูด EP.1

เกาะกูด มันกู๊ดมาก นะเธอ จิบอกให้ เมื่อพูดถึงเกาะกูด หลายคนนี่ต้องแอบยิ้มที่มุมปากกันบ้างละครับ ก็ไม่ว่าใครที่เคยไปสัมผัสดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุขแห่งนั้นมาแล้วต่างก็ต้องประทับใจกันเป็นธรรมดาชนิดที่ว่าอยากไปซ้ำอีกหลายหลายรอบเลยทีเดียว ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นถ้ามีเวลาก็จะกลับไปอีกแน่นอน เกาะกูด เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ยังคงความสวยงามและความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ใครที่ยังหาสถานที่เที่ยว หรือสถานที่ถ่ายรูปสวยๆ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด สำหรับเกาะกูดเป็นเกาะที่อยู่ในจังหวัดตราด อยู่ชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศไทย จุดหมายปลายทางของเราคือเกาะกูดแต่การเดินทางหละจะไปกันยังไงเน้อ สำหรับการเดินทางไปเกาะกูดนั้นมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบินตรงด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สซึ่งราคาก็จะอยู่ที่ประมาณหกพันถึงเก้าพัน ฟังราคาแล้วจิบอกว่าไม่ใช่แนวเลยห้าห้าห้า ถ้าไม่ไหวใครมีรถก็จับพวกมาลัยขับออกจากบ้านมาเลยครับ ถ้าเดินทางมาจากกรุงเทพก็จะใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงครับ ส่วนใครอยู่จังหวัดอื่นก็เปิดแอพกูเกิ้ลแมพโลดเลย ส่วนตัวผมนั้นในทริปนี้ผมเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางครับ โดยเดินทางจากชลบุรี ซึ่งรถก็จะมาจากท่ารถเอกมัยในกรุงเทพโน่น ต้องขอบอกว่าต้องเผื่อเวลาเดินทางไว้ก็จะดีนะครับเพราะการเดินทางไปเกาะกูดนั้นหินใช่เล่นเลย สำหรับตัวผมนั้นทริปนี้ผมวางแผนสำหรับทริปนี้โดยใช้เวลาสี่วันสามคืน ถามว่าทำไมต้องสี่วันสามคืนเลยก็เพราะว่าผมเผื่อเวลาเดินทางไปหนึ่งวันเลยครับสำหรับการเดินทางไปตัวเมืองตราด แล้วก็จองโรงแรมให้เสร็จสัพไว้ก่อนเลย เคล็ดลับการจองโรงแรมยังไงให้ได้ถูกนี่ผมจะบอกให้ไม่ยากเลย คุณแค่วางแผนการเดินทางล่วงหน้าสักสองถึงสามเดือนห้าห้าห้า ตัวผมนั้นจองช่วงเดือนมกราคม แต่จะไปเที่ยวช่วงเดือนเมษายนช่วงสงกรานต์พอดี อย่าคิดว่ามาช่วงสงกรานต์แล้วจะแพงหูฉี่ขนาดนั้น ถ้าอยากได้ราคาสมน้ำสมเนื้อก็ต้องวางแผนสำหรับทริปยาวหน่อยนะครับ ผมนี่ได้ราคาโรงแรมค่อนข้างถูกมากกว่าจองช่วงกระชั้นชิดเลยครับ จำได้ว่าถ้าจองล่วงหน้าแล้วเว็บ agoda กำลังเล่นโปรนั้นผมได้ส่วนลดถึงหนึ่งพันห้าร้อยบาทเลยทีเดียวครับ เทคนิคการจองก็เข้าไปดูสถานที่นั้นบ่อยบ่อยครับ วันนึงเข้าสักสองถึงสามรอบในเวลาที่สลับกัน แล้วประมาณห้าวัน agoda จะเริ่มเสนอราคาที่ลดแล้วถูกกว่าหลายเว็บมากมาก มันจะมีช่วงเวลาแฟลชเซลนี่แหละ รีบสอยเลยครับ