บรรยากาศรอบนอกเป็นอย่างไรมาฟังจากผมได้เลยครับ

เมื่อพูดถึงบรรยากาศรอบโรงแรมแล้วนั้นเรียกได้ว่าทุกอย่างผ่านการออกแบบและจัดวางมาได้อย่างลงตัวที่สุดเลยครับ เริ่มตั้งแต่โซนล็อบบี้ต้อนรับแขกสำหรับเช็คอินก็มีบริเวณกว้างขวาง ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถถ่ายรูปเพลินๆ ได้ขณะรอเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางข้อมูลให้กับเรา อย่าลืมดื่มน้ำกระเจี๊ยบหอมเย็นชื่นใจพร้อมทั้งผ้าเย็นที่มีบริการกันด้วยนะครับ ผมนี่ขอน้ำตั้งสองแก้วเลย

ว่าแล้วก็แบกกล้องเดินถ่ายรูปถ่ายบรรยากาศไปเรื่อยเลย เพราะทุกมุมสามารถถ่ายได้หมดเลยถือว่าสวยทุกมุม ระหว่างเดินทางลงไปชายหาดก็จะพบห้องพักแบบต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อตอนก่อนๆ วิวแต่ละห้องก็จะต่างกันไปเพราะอยู่ตามเขาแต่ไม่ชันมากนะ โซนห้องผมอยู่ตรงกลางพอดีที่เหมาะเจาะ ด่านล่างจะมีห้องอาหารสำหรับคอยบริการ ราคาอาหารก็จะต่างกัน โดยในช่วงเวลาเช้าถึงบ่ายๆ ราคาจะถูกกว่าช่วงเย็น เมนูอาหารก็แล้วแต่เราเลือกเลยครับ มีทั้งแบบจานเดียว และอาหารหลากหลายเมนู อาหารทะเล พิซซ่านี่ต้องให้ลองชิมเลย เพราะมันอร่อยมากจริงๆ เดินลงมาก็ถึงหาดพอดี หาดทรายขาว เม็ดละเอียดเดินแล้วนุ่มเท้า น้ำทะเลใสและมีสีออกเขียวแกมฟ้า เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองแล้วต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียวหละครับ เพราะมันสวยจริงๆ เราไม่ต้องเดินทางไปไกลเลย เพราะทะเลภาคตะวันออกก็สวยจนไม่รู้จะสวยอย่างไรแล้ว หาดที่นี่มีลักษณะหาดเปิดไม่มีภูเขาบัง ทำให้เรามองเห็นทัศนียภาพได้เต็มๆ แบบพาโนรามาเลยก็ว่าได้ เตียงชายหาดก็มีทั้งแบบเป็นไม้ที่รองด้วยเบาะหนังนุ่มกำลังดี และแบบที่นั่งนิ่มๆ ผมเรียกไม่ถูกแฮะ แต่รู้สึกว่านั่งและนอนแล้วรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก มองไปที่ด้านขวาของโรงแรมโดยหันหน้าออกทะเล ก็จะพบชิงช้าของที่จามเฮาส์ ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ที่ใครก็มาก็อดแชะถ่ายรูปกันไม่ได้ จริงๆ ก็ได้แตกต่างอะไรมากมายจากที่อื่น แต่ทำไมไม่รู้ผมก็ใช้เวลาถ่ายรูปกับชิงช้านั้นได้นานเลย มองไปด้านซ้ายของโรงแรมโดยหันหน้าออกทะเล ก็จะพบหาดทรายทอดยาวออกไปที่ยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก เพราะไม่มีรีสอร์ทหรือโรงแรมใดมาตั้งใกล้ๆ ทำให้เราได้เดินชมบรรยากาศที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในพื้นที่บริเวณนั้นได้อีกมาก ผมไปในช่วงที่เสี่ยงมีฝนเล็กน้อยก็ยังหวั่นๆ อยู่ตอนดูพยากรณ์อากาศ แต่พอไปถึงแล้วฟ้าก็เปิด น้ำก็ใส แต่แอบมีคลื่นแรงนิดนึง คงไม่เหมาะกับการพายเรือเท่าไรครับ แต่พี่พนักงานบอกว่าถ้าน้ำนิ่งๆ นี่พายเรือสนุกเลย